โคลงสี่สุภาพ
โคลงสี่สุภาพหนึ่งบทจะมี ๔ บรรทัด
บรรทัดหนึ่งเรียกว่า "บาท" เพราะฉะนั้นโคลงสี่สุภาพหนึ่งบท จะมี ๔ บาท
ในบาทหนึ่งจะมี ๒ วรรค วรรคหน้าจะมี ๕ คำ วรรคหลังของบาทที่ ๑ บาทที่ ๒ และบาทที่
๓ จะมี ๒ คำ ส่วนวรรคหลังของบาทที่ ๔ จะมี ๔ คำ ซึ่งรวมแล้วโคลงสี่สุภาพหนึ่งบทจะมีจำนวนคำทั้งสิ้น
๓๐ คำ
จำนวนพยางค์ต้องมีตามหน่วยที่ได้เขียนไว้ในแผนผัง
ถ้าหากเป็นพยางค์ลักษณะของลหุอาจจะมีได้มากเกินกว่าที่แผนผังได้กำหนดไว้ก็ได้
แต่จะต้องไม่ยาวจนมีความรู้สึกว่าเยิ่นเย้อจนทําให้อ่านไม่ถูกทํานองและจังหวะไม่ได้
การสัมผัส
โคลงสี่สุภาพมีรูปแบบการสัมผัสดังแผนผัง นอกเหนือจากการสัมผัสบังคับตามแผนผังแล้ว
นั้น
ยังมีการสัมผัสอีกสองรูปแบบที่ช่วยเพิ่มความไพเราะให้กับคำประพันธ์ที่เป็นโคลงสี่สุภาพยิ่งขึ้นไปอีก
ซึ่งได้แก่
๑. สัมผัสใน ได้แก่คำที่คล้องจองกันและอยู่ในวรรคเดียวกัน
จะเป็นสัมผัสคู่เรียงคำไว้ติดต่อกัน หรือจะเป็นสัมผัสสลับ
คือเรียงคำอื่นแทรกคั่นไว้ระหว่างคำสัมผัสก็ได้
สุดแต่จะเหมาะทั้งไม่มีกฎเกณฑ์จํากัดไว้ว่า
จะต้องมีอยู่ตรงนั้นตรงนี้เหมือนอย่างสัมผัสนอก
และไม่จำเป็นจะต้องใช้สระอย่างเดียวกันด้วย เพียงแต่ให้อักษรเหมือนกันหรือเป็นอักษรประเภทเดียวกันหรืออักษรที่มีเสียงคู่กันก็สามารถนำมาใช้ได้
สัมผัสในสามารถแบ่งออกได้เป็น ๒ ชนิดได้แก่ สัมผัสสระ และสัมผัสอักษร๒. สัมผัสอักษร การสัมผัสอักษรระหว่างวรรคคือการให้คำสุดท้ายของวรรคหน้า สัมผัสอักษรกับคำหน้าของวรรคหลังเช่น ขึ้น กับ เคียง กา กับ กู่ ตา กับ ตาม จ้อง กับ จึ่ง ดังตัวอย่างข้างล่าง
โคลงหนึ่งบทจะมีวรรณยุกต์เอก ๗ ตำแหน่ง และวรรณยุกต์โท ๔ ตำแหน่ง ดังที่แสดงไว้ในแผนผัง
๓. ตำแหน่งวรรณยุกต์เอก และวรรณยุกต์โทในบาทที่ ๑ สามารถที่จะวางสลับตำแหน่งกันได้ คือเอาวรรณยุกต์ที่เป็นเอกไปวางไว้ในคำที่ ๕ และเอาวรรณยุกต์ที่เป็นโทมาไว้เป็นคำที่ ๔ ก็ได้ ในบรรดาโคลงทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็นโคลงสุภาพ หรือโคลงดั้น สามารถนํามาสลับกันได้เสมอ ดังตัวอย่าง
กะเดียดกะทายเพียงพัง พับล้ม
พิศผ่องผ่ายผอมพลัง เพลาซีด เซียวแม่ อยู่พี่แย่เยงก้ม กัดก้อนเกลือกิน
คำที่ ๗ ของบาทที่ ๑ และคำที่ ๕
ของบาทที่ ๒ และบาทที่ ๓ ห้ามใช้คำที่มีรูปวรรณยุกต์
ห้ามใช้คำตายที่ผันด้วยวรรณยุกต์โท
ในตำแหน่งโท
คำสุดท้ายของบท
ห้ามใช้คำตายและคำที่มีรูปวรรณยุกต์อื่น ๆ หากแต่ว่ากันว่าการลงท้ายบท การใช้เสียงจัตวาที่ไม่ปรากฎรูปจะเป็นที่นิยมและไพเราะยิ่ง
คำที่เป็นเอกโทษคือใช้เอกในที่ผิด เช่น
หน้า เขียนเป็น น่า ฯลฯ และ โทโทษ คือใช้โทในที่ผิด เช่น หรือ เขียนเป็น รื้อ ,
เล่น เขียนเป็น เหล้น ฯลฯ คำชนิดนี้โบราณผ่อนผันให้ใช้ได้
แต่มาบัดนี้ไม่ใคร่นิยมใช้เพราะเป็นการขอไปทีอย่างมักง่าย
ทั้งทําให้รูปของคำที่นำมาใช้เสียไปด้วย
คําตายห้ามนํามาใช้เป็นคำสุดท้ายของบท
ถ้าเนื้อความยังไม่สิ้นกระแส
จะเติมสร้อยลงในท้ายบาทที่ ๑ บาทที่ ๒ บาทที่ ๓ และบาทที่ ๔ ก็ได้
แต่ในปัจจุบันไม่นิยมที่จะเติมสร้อยในบาทที่ ๔ จึงไม่ใคร่จะได้เห็นในการแต่งโคลง ๔
สุภาพทั่ว ๆ ไป แต่หากในหนังสือโคลงรุ่นเก่า ๆ เราอาจจะพบเห็นได้บ่อย
แม้หากเราจะแต่งเล่นบ้างก็สามารถที่จะทําได้ไม่ผิดข้อบัญญัติแต่ประการใด
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น